สถิติผู้เยี่ยมชม

mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday50
mod_vvisit_counterYesterday101
mod_vvisit_counterThis week256
mod_vvisit_counterLast week580
mod_vvisit_counterThis month708
mod_vvisit_counterLast month2727
mod_vvisit_counterAll days544408

Online (20 minutes ago): 3
Your IP: 3.236.86.184
,
Today: ต.ค. ๐๘, ๒๕๖๗
ศาลพระภูมิ PDF พิมพ์ อีเมล
เขียนโดย Administrator   
วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ เวลา ๐๗:%M น.

การตั้งศาลพระภูมิ 

modifly-1



สิ่งที่ต้องคำนึงในการตั้งศาลพระภูมิ คือ สถานที่ตั้ง,ทิศทาง,วันและฤกษ์ตั้ง,ความสูงของศาลพระภูมิและผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ

สถานที่ที่ตั้งศาล มีหลักการพิจารณาดังนี้ 

  1. ที่ตั้งศาลต้องเป็นบริเวณพื้นดิน มิใช่บริเวณเดียวกับพื้นของตัวบ้าน
  2. หากไม่มีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน สามารถทำการตั้งศาลบนชั้นดาดฟ้าได้ แต่ส่วนใหญ่ศาลที่ตั้งบนดาดฟ้าจะเป็นศาลเทพต่างๆ เช่นพระพรหม หรือ พระนารายณ์ มิใช่พระภูมิเจ้าที่
  3. จุดที่ตั้งของศาลต้องไม่ถูกเงาของตัวบ้านทอดลงมาทับ
  4. ที่ตั้งของศาลควรอยู่ห่างจากบริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
  5. อย่าตั้งศาลให้อยู่ใกล้กับตัวบ้านมากนัก
  6. อย่าหันหน้าศาลเข้าสู่บริเวณที่ตั้งของห้องน้ำ
  7. ไม่ควรตั้งศาลให้หันหน้าตรงกับประตูหน้าบ้าน
  8. ตั้งศาลให้ห่างจากรั้วหรือกำแพงบ้านอย่างน้อย 1 เมตร
  9. ถ้าสามารถยกพื้นที่ตั้งศาลให้สูงขึ้นสัก 1 คืบ จากพื้นดินได้ ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง
  10. ความสูงของศาล ควรสูงเหนือระดับสายตาของผู้เป็นเจ้าของบ้านขึ้นไปเล็กน้อย

ทิศทาง การหันหน้าศาลพระภูมิสู่ทิศมงคล 

  1. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศอีสาน เป็นทิศที่ดีที่สุดหากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
  2. ทิศตะวันออก หรือ ทิศบูรพา เป็นทิศที่ดีอันดับ 2 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 100 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้
  3. ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ทิศอาคเณย์ เป็นทิศที่ดีอันดับ 3 หากตั้งศาลหันไปทิศนี้บ้านนั้นจะมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ประมาณ 50 ปี หลังจากนั้น จะมีแต่เสื่อมลงๆจนถึงขั้นหาความสุขความเจริญไม่ได้

ทิศต้องห้ามในการตั้งศาลพระภูมิ คือ ทิศตะวันตกและทิศใต้

เมื่อหาทิศทางตั้งศาลได้แล้วจะต้องพูนดินให้สูง 1 คืบ เกลี่ยดินด้วยมือและทุบให้แน่น ห้ามใช้เท้าเด็ดขาด และเตรียมน้ำมนต์ไว้พรมบริเวณพื้นดินเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ น้ำมนต์ที่ว่านี้เรียกว่า " น้ำมนต์ธรณีสาร " น้ำมนต์ธรณีสารนี้ ทำได้โดยนำน้ำธรรมดาไปให้พระท่านสวดพระพุทธมนต์ทำเหมือนน้ำมนต์ทั่วไปแต่ต่างกัน ตรงที่ให้ท่านนำใบไม้ต้นธรณีสารมาใส่ลงในน้ำที่จะทำน้ำมนต์ 

วันและฤกษ์ตั้งศาล 

มีความสำคัญมาก ควรเลือกวันที่ดีและมีความเป็นสิริมงคลเพื่อให้ประสิทธิ์ผลในทางมงคล แก่ผู้อยู่อาศัยในบ้านเรือนนั้นสืบต่อไป วันต่อไปนี้ถือเป็นวันที่เป็นมงคลฤกษ์ 
วันข้างขึ้น 
วันข้างแรม
๒ ค่ำ
๒ ค่ำ
๔ ค่ำ
๔ ค่ำ
๖ ค่ำ
๖ ค่ำ
๙ ค่ำ
๙ ค่ำ
๑๑ ค่ำ
๑๑ ค่ำ

แต่ถ้าวันข้างขึ้น หรือข้างแรมดังกล่าวไปตรงกับวันต้องห้าม ของเดือนใด ให้เลี่ยงไปใช้วันอื่นเสีย

เวลาฤกษ์อันเป็นมงคล 

วัน
เวลา
วันอาทิตย์
เวลา ๖.๐๙ น. - ๘.๑๙ น.
วันจันทร์
เวลา ๘.๒๙ น. - ๑๐.๓๙ น.
วันอังคาร
เวลา ๖.๓๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันพุธ
เวลา ๘.๓๙ น. - ๑๐.๑๙ น.
วันพฤหัสบดี
เวลา ๑๐.๔๙ น. - ๑๑.๓๙ น.
วันศุกร์
เวลา ๖.๑๙ น. - ๘.๐๙ น.
วันเสาร์
เวลา ๘.๔๙ น. - ๑๐.๔๙ น.


วันต้องห้าม

เดือน
วันต้องห้ามคือ
เดือนอ้าย ธันวาคม) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือนยี่ (มกราคม) วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๓ (กุมภาพันธ ) วันอังคาร
เดือน ๔ (มีนาคม) วันจันทร์
เดือน ๕ (เมษายน) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๖ (พฤษภาคม)
วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๗ (มิถุนายน) วันอังคาร
เดือน ๘ (กรกฎาคม) วันจันทร์
เดือน ๙ (สิงหาคม) วันพฤหัสบดี และวันเสาร์
เดือน ๑๐ (กันยาย ) วันพุธ และวันศุกร์
เดือน ๑๑ (ตุลาคม) วันอังคาร
เดือน ๑๒ (พฤศจิกายน) วันจันทร์


จะสังเกตได้ว่า จะไม่ปรากฏว่ามี วันอาทิตย์ เป็น ข้อห้ามเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้ยึดเอาวันอาทิตย์ เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับการตั้งศาล เพราะคนโบราณถือกันว่า วันอาทิตย์นั้นแม้จะจะเป็นวันที่มีกำลังแรงดี แต่เป็นวันแรงและวันร้อน ไม่เหมาะที่จะทำการตั้งศาล เพราะบ้านอาจจะ ร้อน จรปราศจากความร่มเย็นเป็นสุข แต่ ถ้าหากผู้กระทำพิธีมีเคล็ดมีมนตร์แก้ความร้อนของวันได้ ก็สามารถคิดทำการตั้งศาลในวันนี้ได้ตามความสะดวก 

ความสูงของศาล 

ขึ้นอยู่กับ ตัวเจ้าของบ้าน โดยให้ระดับฐานหรือชานชาลาพระภูมิอยู่เหนือระดับปาก (บางตำราว่าอยู่เหนือคิ้วพอดี ) ของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนเจ้าบ้าน ก็ควรจะตั้งศาลพระภูมิขึ้นใหม่ การใช้ศาลพระภูมิร่วมกัน กรณีที่เป็นหมู่บ้าน,ชุมชนหรือตึกแถว ให้ยึดเอาความสูงจาก เจ้าของผู้สร้างเริ่มแรก หรือหัวหน้าชุมชนนั้นๆ โดยให้เป็นตัวแทนเพื่อมาทำการยกศาลพระภูมิขึ้นเพื่อบอกกล่าวและสักการะ ขอให้ท่านดูแลปกปักษ์รักษาให้คุณ ให้โชคลาภ ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้อยู่อาศัยทุกคน 

การปักเสาตั้งศาล 

ต้องเตรียมหลุมให้เสร็จก่อนเริ่มพิธี ( ค่อยมีพิธีในวันรุ่งขึ้น ) โดยต้องเตรียมของดังนี้ พานครู 1 พาน ใช้สำหรับใส่ข้าว ธูป เทียนขาว ดอกไม้หรือพวงมาลัยสด เหล้า บุหรี่ ผ้าขาว เงิน 6 สลึงหรือ 99 บาท

รายการของมงคลใส่หลุม (ปัจจุบันที่นิยมใช้) 

รายการมงคล
จำนวน
1
เหรียญเงิน
9 เหรียญ
2

เหรียญทอง (เหรียญสลึงหรือ 50 สตางค์ก็ได้)

9 เหรียญ
3
ใบเงิน
9 ใบ
4
ใบทอง
9 ใบ
5
ใบนาค
9 ใบ
6
ใบรัก
9 ใบ
7
ใบมะยม
9 ใบ
8
ใบนางกวัก
9 ใบ
9
ใบนางคุ้ม 
9 ใบ
10
ใบกาหลง
9 ใบ
11
ดอกบานไม่รู้โรย
9 ดอก
12
ดอกพุทธรักษา
9 ดอก
13
ไม้มงคล
9 ชนิด
14
แผ่น เงิน,ทอง,นาค
1 ชุด
15
พลอยนพเก้า
1 ชุด

การกลบหลุมนั้นให้ใช้มือกด ห้ามใช้เท้าโดยเด็ดขาด

ผู้ประกอบพิธีกรรมการตั้งศาลพระภูมิ 

ควรจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมมีศีลธรรม ทำบุญทำทานประจำ มีความซื่อสัตย์สุจริต ยุติธรรม จะทำให้การตั้งศาลพระภูมิบังเกิดผลดี มีความเจริญรุ่งเรืองแก่เจ้าของบ้าน หรือเจ้าบ้านจะเป็นผู้กระทำพิธีกรรมก็ได้ โดยศึกษาขั้นตอนพิธีกรรมต่างๆ และให้ถือศีลกินเจ 7 วัน ( 3,5,7 วันก็ได้ หรือมากกว่านี้ก็ได้ )

ส่วนประกอบสำคัญของศาลพระภูมิ 

จะเหว็ดศาลพระภูมิ จะเป็นรูปพระภูมิอยู่ในแผ่นคล้ายแผ่นเสมา มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายถือถุงเงินหรือสมุด(หนังสือ) และการปลุกเสกจะเหว็ดให้เป็นองค์พระภูมิมีดังนี้ บรรจุธาตุทั้ง 6 คือ บรรจุพระพุทธคุณ,บรรจุพระธรรมคุณ,บรรจุพระสังฆคุณ ตลอดเทวคุณและวิญญาณธาตุเข้าไปในจะเหว็ดจากที่เรียกว่า จะเหว็ดเมื่อปลุกเสกแล้วก็จะเรียกว่า "พระภูมิ" บริวารของพระภูมิจะมี 

  1. ตุ๊กตาชาย-หญิง อย่างละ 1 คู่
  2. ตุ๊กตาช้าง-ม้า อย่างละ 1 คู่
  3. ละครยก 2 โรง

เครื่องประดับตกแต่ง จะประกอบด้วย 

เครื่องประดับตกแต่ง
จำนวน
1
แจกัน
1 คู่
2

เชิงเทียน

1 คู่
3
กระถางธูป
1 ใบ
4
ผ้าผูกจะเหว็ด
1 ผืน
5
ผ้าพันศาล (ผ้าแพร 3 สี คือ สีเขียว,สีเหลืองและสีแดง)
1 ชุด
6
ฉัตรเงิน-ทอง
2 คู่
7
ด้ายสายสิญจน์
1 ม้วน
8
ผ้าขาว
1 ผืน
9
ทองคำเปลว 
-
10
แป้งเจิม
1 ถ้วย
11
ดอกบัว
9 ดอก
12
ดอกไม้ ี(มาลัย 7 สี )
7 ส


เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล 

จะประกอบด้วยอาหารคาวหวานดังนี้ 
เครื่องประดับตกแต่ง
จำนวน
1
หัวหมู
1 หัว
2

ขนมต้มขาว

2 จาน
3
ไก่ต้ม
1 ตัว
4
ขนมถั่วงา
2 จาน
5
เป็ด
1 ตัว
6
ขนมถ้วยฟู
2 จาน
7
ปลานึ่ง
1 ตัว
8
ขนมหูช้าง
2 จาน
9
ปู หรือ กุ้ง 
1 จาน
10
เผือก-มันต้ม
2 จาน
11
บายศรีปากชามยอดไข่
1 คู่
12
ฟักทอง
2 ผล
13
น้ำจิ้ม
2 ถ้วย
14
แตงไทย
2 ผล
15
ข้าวสวย
2 ถ้วย
16
ขนุน
2 จาน
17
เหล้า
1 ขวด
18
สับปะรด
2 ผล
19
น้ำชา
2 ถ้วย
20
กล้วย
2 หวี
21
น้ำสะอาด
2 แก้ว
22
ผลไม้ 5 ชนิด
2 จาน
23
มะพร้าวอ่อน
1 คู่
24
พานหมาก พลู บุหรี่
1 คู่
25
ขนมต้มแดง
2 จาน

**ถ้าขนาดบ้านและศาลพระภูมิเล็ก ก็สามารถใช้สับปะรดเพียง 1 ผลได้แต่จัดแบ่งเป็น 2 จาน * 

เครื่องสังเวยสำหรับตั้งศาล ( มังสวิรัติ ) 

เครื่องประดับตกแต่ง
จำนวน
1
มะพร้าวอ่อน
1 คู่
2
ขนมถ้วยฟู
2 จาน
3
พานหมาก พลู บุหรี่ 
1 คู่
4
ถั่วคั่ว
2 จาน
5
ฟักทอง
2 ผล
6
น้ำสะอาด
2 แก้ว
7
งาคั่ว
2 จาน
8
แตงไทย
2 ผล
9
ข้าวสวย
2 ถ้วย
10
เผือก-มันต้ม
2 จาน
11
ขนุน
2 จาน
12
น้ำชา
2 ถ้วย
13
ขนมต้มแดง
2 จาน
14
สับปะรด
2 ผล
15
นม
2 ถ้วย
16
ขนมต้มขาว
2 จาน
17
สับปะรด
2 ผล
18
เนย
2 ถ้วย
19
ขนมถั่วงา
2 จาน
20
ผลไม้ 5 ชนิด
2 จาน


ผลไม้ที่ห้ามนำถวาย 

มังคุด
มะเฟือง
น้อยหน่า
ลูกจาก
มะตูม
ละมุด
มะไฟ
กระท้อน
ลูกพลับ
พุทรา
ระกำ
น้อยโหน่ง
ลูกท้อ
มะขวิด
ลางสาด


คนไทยโบราณมีความเชื่อว่าผลไม้ทั้ง 15 ชนิดนี้เป็นอัปมงคล ไม่ควรนำมาถวายเป็นเครื่องสังเวยหน้าศาลพระภูมิเป็นอันขาด


ข้อมูลอ้างอิงจากเวบไซต์ บ้านไม้ทองดอทคอม
แก้ไขล่าสุด ใน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๘:%M น.
 
Secured by Siteground Web Hosting